cartel4d
winwin4d
slot maxwin
Slot Gacor Maxwin
Slot Thailand
Login Slot Gacor
CARTEL4D
maxwin slot
link auto maxwin
nolimit city
slot gacor
slot gacor maxwin
angkatoto

เลือดกำเดา (Epistaxis) สาเหตุ และการรักษาเลือดกำเดาไหล

เลือดกำเดา หรือเลือดออกจมูก (Epistaxis หรือ Nosebleed) หมายถึง ภาวะที่มีเลือดออกจากโพรงจมูกทางส่วนหน้าหรือส่วนหลังของโพรงจมูก โดยส่วนใหญ่ประมาณ 90% ของเลือดกำเดาไหลจะเกิดขึ้นที่บริเวณผนังกั้นจมูกด้านหน้าซึ่งเป็นบริเวณที่มีหลอดเลือดแดงหลายเส้นมาบรรจบกันเป็นร่างแหหรือเป็นตาข่าย ที่เรียกว่า Kiessel bach’s plexus หรือ Little’s area เมื่อหลอดเลือดเหล่านี้มีการแตกทำลายหรือเกิดการฉีกขาดก็จะทำให้มีเลือดสด ๆ ไหลออกจากทางรูจมูก ซึ่งมักออกเพียงข้างเดียว (บางรายอาจออกทั้ง 2 ข้างก็ได้) ส่วนใหญ่ภาวะนี้มักเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน แต่โดยมากมักจะไม่เป็นอันตรายหรือมีสาเหตุที่ร้ายแรง ซึ่งจะทำให้มีเลือดออกเพียงเล็กน้อยและหยุดไหลได้เอง เพราะร่างกายมีการสร้างลิ่มเลือดเป็นตาข่ายมาปิดรอยฉีกขาดไว้

เลือดกำเดา (Epistaxis)

เลือดกำเดาไหลเป็นภาวะหรืออาการที่พบได้บ่อยในคนทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ แต่จะพบได้สูงในเด็กอายุ 2-10 ปี (แต่มักไม่พบในเด็กอ่อน) และคนวัยหนุ่มสาว โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่อากาศจะเย็นและแห้งกว่าปกติ เยื่อบุโพรงจมูกจึงพลอยแห้งตามไปด้วย น้ำมูกที่ติดอยู่ในจมูกก็เลยแห้งกรังอยู่ภายในทำให้เกิดความรำคาญ ต้องแคะ แกะ ขยี้จมูกบ่อย ๆ เมื่อรอยแตกเล็ก ๆ ที่พื้นผิวในโพรงจมูกเริ่มเกิดขึ้นโดยเฉพาะบริเวณส่วนหน้าของผนังกั้นโพรงจมูกที่มีหลอดเลือดฝอยจำนวนมากมาบรรจบกัน เมื่อถูกแคะหรือขยี้ก็จะทำให้รอยแตกเกิดเป็นแผลถลอกขึ้น หลอดเลือดฝอยจึงฉีกขาดทำให้เกิดเลือดกำเดาไหลออกมาจากจมูก

สาเหตุที่เลือดกำเดา

ภาวะเลือดกำเดาไหลอาจเป็นสาเหตุที่เกิดขึ้นในจมูกและโพรงหลังจมูก จากโรคหรือความผิดปกติของระบบร่างกายอื่น ๆ หรือเกิดจากผลข้างเคียงของยาบางชนิดที่ทำให้เลือดไหล่ง่ายกว่าปกติ

  1. การระคายเคืองหรือบาดเจ็บบริเวณจมูก
  2. ความผิดปกติทางกายวิภาคของโพรงจมูก
  3. การอักเสบในโพรงจมูก
  4. เนื้องอกของโพรงจมูก
  5. ความผิดปกติของหลอดเลือดที่มาเลี้ยงจมูก
  6. สาเหตุที่เกิดจากโรคหรือความผิดปกติของระบบร่างกายอื่น ๆ ได้แก่

    • โรคเลือดชนิดต่าง ๆ ได้แก่ ความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือด เช่น ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ, มะเร็งเม็ดเลือดขาว, โลหิตจางจากไขกระดูกฝ่อ, ไอทีพี, โรคเลือดไหลไม่หยุดหรือฮีโมฟิเลีย (Hemophilia), โรคตับและไต (เช่น ตับแข็ง ตับวาย ไตวาย) เพราะทำให้เกล็ดเลือดทำงานผิดปกติ, การดื่มเหล้ามาก, ภาวะการขาดสารอาหารจำพวกวิตามิน (เช่น วิตามินซี วิตามินเค), การได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือด
    • โรคของหลอดเลือด เช่น โรคความดันโลหิตสูง (เพราะเป็นโรคที่มีผนังหลอดเลือดตีบแข็งและการยืดหยุ่นของหลอดเลือดไม่ดี จึงทำให้หลอดเลือดเปราะและแตกได้ง่าย), โรคทางพันธุกรรมบางชนิดที่มีความผิดปกติของหลอดเลือดทั่วร่างกาย (Hereditary hemorrhagic telangiectasia – HHT) เป็นต้น
    • ไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งเป็นกรณีที่พบได้ราวร้อยละ 10
    • ในบางกรณีพิเศษ อาการปวดศีรษะไมเกรนในเด็กก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เลือดกำเดาไหลได้

การรักษาเลือดกำเดาไหล

การปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยตัวเองเมื่อมีเลือดกำเดาไหล (วิธีนี้ใช้ได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่) ให้ผู้ป่วยนั่งหลังตรงและก้มหน้าเล็กน้อย แล้วใช้นิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือบีบ (กด) ปีกจมูกทั้ง 2 ข้างเข้าหากันในแนวกลาง โดยหนีบบริเวณผนังกั้นจมูกเอาไว้เพื่อกดจุดเลือดออกเป็นเวลาประมาณ 5-10 นาที (การกดหรือบีบ ต้องกดหรือบีบให้แน่น) แล้วค่อยคล้ายออก และในระหว่างนี้ให้หายใจทางปากแทน ซึ่งการใช้วิธีนี้ส่วนมากมักจะได้ผล (เพราะประมาณ 90% เลือดมักจะไหลออกมาจากส่วนหน้าของจมูก การบีบหรือกดที่ปีกจมูกจึงช่วยทำให้เลือดหยุดไหลได้) แต่ถ้ายังไม่ได้ผลให้ทำซ้ำอีกครั้งเป็นเวลานาน 10 นาที นอกจากนี้ อาจใช้ผ้าเย็น หรือน้ำแข็งห่อผ้าหรือใส่ถุงพลาสติก หรือเจลประคบเย็น (Cold pack) วางประคบบนสันจมูกเอาไว้ด้วยก็ได้ เพื่อให้ความเย็นช่วยทำให้หลอดเลือดหดตัว

การดูแลตนเองหลังเลือดกำเดาหยุดไหล หลังเลือดกำเดาหยุดไหลแล้วภายใน 24-48 ชั่วโมงแรกจะต้องป้องกันไม่ให้เลือดออกซ้ำโดยการ

  • หลังเลือดหยุดไหลสนิทแล้ว สามารถทำความสะอาดจมูกด้วยน้ำอุ่นได้ และหลังจากทำความสะอาดเสร็จให้พยายามพักผ่อนเพื่อป้องกันไม่ให้เลือดไหลอีก
  • พยายามพักผ่อน หยุดทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่กำลังทำอยู่ และให้นอนหัวยกสูง รวมถึงทำใจให้สบาย โดยอาจฟังเพลงผ่อนคลายเพื่อให้หัวใจเต้นช้าลง
  • อาจประคบเย็นด้วยวิธีดังที่กล่าวไปแล้ว หลีกเลี่ยงการแคะจมูก ขยี้จมูกแรง ๆ และการสั่งน้ำมูกแรง ๆ เพราะจะทำให้เลือดที่แข็งตัวแล้วซึ่งปิดหลอดเลือดที่เสียหายก่อนหน้านี้ออก และทำให้เลือดกำเดาไหลอีกครั้ง ระวังการเบ่ง การไอ การจาม
  • หลีกเลี่ยงการกระทบเทือนบริเวณจมูก โดยการไม่ออกแรงมาก ไม่ยกหรือหิ้วของหนัก ๆ ไม่เล่นกีฬาที่หักโหมหรือเล่นนอกบ้าน ไม่สัมผัสอากาศที่ร้อน เพราะอาจทำให้มีเลือดออกได้
  • ไม่ดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่อุ่นหรือร้อน เพราะจะทำให้หลอดเลือดขยายตัว ซึ่งอาจทำให้เลือดออกได้อีก
  • แพทย์บางท่านแนะนำว่า ในขณะนอนหลับควรหนุนหมอนสูง ๆ

นอกจากนี้ในทางอ้อม การมีเลือดกำเดาไหลก็อาจทำให้ผู้ป่วยและ/ญาติที่อยู่ใกล้ตัวผู้ป่วยเกิดอาการตื่นตระหนกหรือตกใจกลัวที่เห็นเลือดจนเป็นลม หมดสติ เกิดภาวะหายใจล้มเหลว และ/หรือหกล้มหัวฟาดได้ โดยทั่วไปจะไม่ค่อยพบภาวะแทรกซ้อนหรือผลข้างเคียง ยกเว้นในรายที่มีเลือดกำเดาออกมากหรือออกบ่อย ก็อาจทำให้เกิดภาวะซีดได้ แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นค่อนข้างน้อย